สุดยอดธุรกิจท่องเที่ยวออนไลน์

4/3/56

โรคความเครียด

วิถีชีวิตคนเมืองทุกวันนี้ที่ยุ่งเหยิง วุ่นวาย เต็มไปด้วยภาระต่างๆ ทำให้ความเครียดเกิดขึ้นในชีวิตประจำวันและสะสมพอกพูนเพิ่มขึ้นทุกวัน หากเราไม่จัดการกับความเครียดบ้างก็จะเกิดความเครียดเรื้อรังซึ่งจะสะสมโดยเราไม่รู้ตัว ของใหม่เข้าไปทับถมของเก่าเกาะกินกันไปไม่สิ้นสุด จนแสดงออกเป็นโรคทางกายและโรคทางจิต กล้ามเนื้อไม่มีแรง เส้นเอ็นข้อต่อเสื่อม กินไม่ได้ นอนไม่หลับ มีอาการทางประสาท




ความเครียดทำให้เราขาดสมาธิ และโจมตีระบบภูมิต้านทานของร่างกาย ทำให้เราเป็นหวัดง่าย เป็นภูมิแพ้ ไขข้ออักเสบ ตลอดจนเป็นโรคเรื้อรังอื่นๆ ตามมา การจัดการความเครียดโดยบริหารด้วยท่าโยคะที่เรียกว่า อาสนะ ขณะที่ฝึกให้ปิดตาเพื่อเพิ่มการรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงร่างกายภายใน ทั้งการปิดตาจะช่วยให้ใจสงบลง เราต้องฝึกตอนขณะท้องว่าง (หลังอาหารมื้อใหญ่ชั่วโมงครึ่ง หรือหลังอาหารเบาครึ่งชั่วโมง) ฝึกในสถานที่เงียบสงบ
 






3/3/56

สุดยอดท่องเที่ยวออนไลน์GRC Thai ธุรกิจท่องเที่ยวออนไลน์ผ่านเนตเป็นงานเสริมงานพิเศษธุรกิจขายตรงสร้างรายได้ 3 แสนใน 3 เดือนทำงานที่บ้านและทำ part timeได้

 
 
 
1. Global Rich Club คืออะไร?

สวัสดีครับทุกๆท่าน  ผมเชื่อท่านที่ชอบท่องเนตชอบโลก Cyber คงได้เห็นโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์ธุรกิจท่องเที่ยวออนไลน์ Global Rich Club Thai หรือ GRC Thai บ่อยๆใน Social Medial  เช่นใน Face Book หรือ ใน Twitter หรือใน Web site ต่างๆแล้ว แต่หลายคนคงยังไม่ทราบรายละเอียดมากนักว่ามันคืออะไรกันแน่ มีวิธีการทำธุรกิจอย่างไร ทำแล้วได้เงินจริงๆหรือ??  คงมีคำถามอยู่ในใจเมื่อท่านเปิดไปเจอข้อความเหล่านั้นเข้า ก็เป็นธรรมดาที่ต้องฉงนสงสัยว่าหลอกหรือจริงกันแน่?  ผมเองในฐานะเป็นสมาชิกของ Global Rich Club Thai ก็ขอบอกเลยว่า Global Rich Club เป็นธุรกิจออนไลน์ Network Marketing ให้บริการที่พักโรงแรมและรีสอร์ทระดับ 3-5 ดาว เพื่อการท่องเที่ยวและพักผ่อนครับ ทำแล้วได้เงินจริง ข้อสำคัญที่สุดของธุรกิจนี้ ไม่ต้องขายสินค้า เน้นเลยครับไม่ต้องขายสินค้าเพราะไม่มีสินค้าให้ขาย หลายท่านกลัวการขายมากๆ ธุรกิจเครือข่ายส่วนใหญ่แล้วก็ต้องขายทั้งนั้น เมื่อไม่มีสินค้าขายก็ไม่ต้อง Stock สินค้า ไม่ต้องรักษายอดรายเดือนรายปี




ข้อมูลบริษัท Global Rich Club

Global Rich Club เป็นบริษัททัวร์ในอเมริกาที่นำนักท่องเที่ยวในโซนทวีปยุโรป มาท่องเที่ยวในประเทศโซนเอเชีย เป็นบริษัททัวร์มามากว่า 10 ปี เพราะเล็งเห็นว่าสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศแถบเอเชียก็สวยงามไม่แพ้ที่ไหนในโลก และเมื่อต้นปี 2010 บริษัทก็มีความคิดว่าน่าจะขยายเครือข่ายนักท่องเที่ยวให้เป็นทั่วโลก  เลยเพิ่มช่องทางการตลาด ด้วยการจัดตั้งเป็นธุรกิจ Network Marketing และธุรกิจนี้ก็ได้ขยายเครือข่ายมายังประเทศไทยโดยชาวรัสเซีย
ปัจจุบันทางบริษัท Global Rich Club ตอบสนองความต้องการด้วย 3 กระแสยอดนิยมคือ
1. การท่องเที่ยว
2. อินเตอร์เน็ต และ
3. การทำงานที่บ้าน
 

2. สิทธิพิเศษของสมาชิก Global Rich Club Thai ได้อะไรบ้าง

มีสิทธิ์ที่จะเข้าพักในโรงแรมหรือรีสอร์ทหรูระดับ 3-5 ดาวเป็นเวลา 4 วัน 3 คืน ในเครือของ Global Rich Club ที่มีอยู่ในทุกประเทศในทวีปเอเชีย ค่าห้องพักปกติคืนละ $100  หรือ 3,500 บาท  ถ้าพัก 4 วัน 3 คืนก็ตก  10,500 บาท แต่สมัครแล้วจ่ายค่าสมาชิกแค่ 7,500 บาทเท่านั้น ประหยัดไป  3,000 บาท ที่พักในการท่องเที่ยว 4 วัน 3 คืน ในโรงแรมระดับ 3-5ดาว กว่า 20 ประเทศในโซนเอเชีย (จองที่พักได้ทันทีใช้สิทธ์ภายใน 1 ปี)
จะมีเว็บไซด์ส่วนตัวทั้งภาษาอังกฤษ และ ภาษาไทยเป็นออฟฟิต Online
พร้อมด้วยระบบ Global Smart Auto System (GSAS) เช่น
    ระบบ Mail โต้ตอบอัตโนมัติ
    ระบบ SMS โต้ตอบอัตโนมัติ 
    ระบบ Auto Response Mail ช่วยติดตามการทำงาน
    ห้องทำงานออนไลน์
    ห้องสอนงานออนไลน์ เรียนรู้งาน
    วิดีโอสอนการทำงาน (ทุกขั้นตอน)
    โปรแกรมการทำงาน (ดาวน์โหลดไปใช้งาน)

โรงแรมในไทยที่สมาชิก Global Rich Club หรือ GRC Thai มีสิทธิ์เข้าพักได้
กรุงเทพ หัวหิน พัทยา เชียงใหม่ ภูเก็ต หาดใหญ่
โรงแรมในเอเซียอีก 16 ประเทศ เช่น  ฮ่องกง สิงค์โป อินเดียและเวียดนาม เป็นต้น 
 
 
3. แผนการจ่ายผลตอบแทนในระบบกระดาน

ชั้นที่ 2,3,4 ของทั้ง 2 กระดาน จะมีคนเต็มอยู่เสมอ สิ่งที่ทุก ๆ คนต้องทำคือ ช่วยกันทำให้ชั้นที่ 1 เต็ม ทุก ๆ คนจะได้เลื่อนชั้น
กระดานที่ 1 กระดานสีส้ม (Global Board)
เมื่อคุณสมัครจะเริ่มต้นอยู่ชั้นที่ 1 (Level 1) เมื่อชั้นที่ 1 เต็มจะเลื่อนชั้นขึ้นไปเรื่อย ๆ คุณจะได้รับ $400 เมื่อผ่านชั้นที่ 4 และคุณจะไปอยู่ ชั้นที่ 1 ของ กระดานที่ 2 Rich Boardหรือกระดานสีม่วง
กระดานที่ 2 กระดานสีม่วง (Rich Board)
การทำงานของกระดานที่ 2 เหมือนกระดานที่ 1 ทุกประการ คุณ จะได้รับ $8,000 (ประมาณ 300,000 บาท) เมื่อผ่านชั้นที่ 4 และคุณ จะกลับไปอยู่ ชั้นที่ 1 ของ กระดานที่ 2  เพื่อ วนกลับ ขึ้นมารับ $8,000 แบบไม่รู้จบ (คนที่จะมาอยู่ในกระดานที่ 2 ต้องผ่านมาจากกระดานที่ 1 หรือกระดานสีส้มเท่านั้น)
คุณจะได้รับ $400 หรือ $8,000 คุณ ต้องมีทีมงาน 2 คน ขอย้ำ แค่ 2 คนเท่านั้น
การมีทีมงาน 2 คน ทำได้ง่ายมากสามารถทำได้ 3 วิธี คือรับสมัครเองหรือรอจากทีมงานที่มาจากที่ปรึกษาหรือลงทุนเริ่มต้น 3 ระหัส 



สิ่งที่สำคัญที่สุดในการมีทีมงาน 2 คน เมื่อกระดานเต็มคุณสามารถแซงหรือข้ามคนที่อยู่ชั้นที่ 2 หรือ 3 ที่มีทีมงานไม่ครบ 2 คน ขึ้นไปชั้นที่ 4 เพื่อรอรับ $400 หรือ $8,000 ได้เลย นอกจากนั้น คุณยังมีโอกาสได้รับรายได้ทางอื่นอีก 3 ทางคือ รายได้จากองค์กรใต้ล่าง (Override Income) โบนัสทั่วโลก (Global Bonus) และ Rewards Platinum เป็นรายได้ที่กินไปได้ตลอดชีวิต
แผนการจ่ายผลตอบแทนของ โกลบอล ริช คลับ เป็นรูปแบบกระดานหมุนเวียน ฉีกกฎแผนการตลาดแบบเดิม ๆ คุณ ไม่ต้องสต๊อกสินค้า ไม่ต้องขาย ไม่ต้องรักษายอด ลงทุนครั้งเดียวทำงานได้ตลอด เป็นระบบการทำงานช่วยเหลือกันแบบเต็มรูปแบบ ซึ่งการันตีความสำเร็จให้กับทุก ๆ คนที่เข้ามาร่วมธุรกิจกับ โกลบอล ริช คลับ ไม่ว่าคุณจะไม่เก่งไม่เคยทำธุรกิจมาก่อนไม่มีประสบการณ์หรืออะไรก็แล้วแต่คุณสามารถประสบผลสำเร็จได้แน่นอน
 
 

 

4. บันได 7 ขั้นสู่ความสำเร็จกับ Global Rich Club


หลายท่านคงอยากทราบว่าสมัครเป็นสมาชิกของ Global Rich Club แล้วเราได้อะไรบ้างนอกเหนือจากสิทธิ์ในการจองที่พักฟรี 4 วัน 3 คืนและรายได้จากการกระดานหมุนเวียน 2 กระดาน
ในบริษัท Global Rich Club ยังมีการจ่ายผลตอบแทนอีกตามตำแหน่งต่างๆอีก 7 ตำแหน่งด้วยกัน เป็นการจ่ายให้กับสมาชิกทั่วโลกตามแผนของบริษัทซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 

1.     Bronze Associate :  ตำแหน่งแรกที่ทุกๆคนเมื่อสมัครเป็นสมาชิกของ Global Rich Club
2.     Silver Associate :  ท่านที่ผ่านกระดานสีส้มได้รับ $400 มาแล้ว
3.     Gold Associate :  ท่านที่ผ่านกระดานทสีม่วงได้รับ $8,000 มาแล้ว เมื่อได้ตำแหน่งนี้เราจะได้รับรายได้จากองค์กรทุกเดือนๆละ 3% ของสายงานทุกชั้นลึก
4.     Diamond Associate: ท่านที่ช่วยทีมงานให้ได้ตำแหน่ง Gold Associate 2 คน ติดตัว เมื่อได้ตำแหน่งนี้เราจะได้รับรายได้จากองค์กรทุกเดือนๆละ  5% ของสายงานทุกชั้นลึก
5.     International Diamond Associate : ท่านที่ช่วยทีมงานให้ได้ตำแหน่ง Diamond Associate 2 คน ติดตัว เมื่อได้ตำแหน่งนี้เราจะได้รับรายได้จากองค์กรทุกเดือนๆละ 7% ของสายงานทุกชั้นลึก
6.     President Associate : ท่านที่ช่วยทีมงานให้ได้ตำแหน่ง International Diamond Associate 2 คนติดตัว  เมื่อได้ตำแหน่งนี้เราจะได้รับรายได้จากองค์กรทุกเดือนๆละ 8.5% ของสายงานทุกชั้นลึก
7.     International president Associate : ท่านที่ช่วยทีมงานให้ได้ตำแหน่ง President Associate 2 คนติดตัว  เมื่อได้ตำแหน่งนี้เราจะได้รับรายได้จากองค์กรทุกเดือนๆละ 3% ของสายงานทุกชั้นลึก และ 2% จากสายงานทั่วโลก (มากมายมหาศาลจริงๆ)

เห็นไหมครับสมาชิกของ Global Rich Club สามารถมีรายได้ที่ยั่งยืนและต่อเนื่องได้ จริงๆบอกได้เลยว่า ธุรกิจ Global Rich Club เงินซื้อตำแหน่งไม่ได้  สิ่งที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จ ก็คือ "คุณ" และ "ทีมงาน" ของคุณเอง



5. ห้องประชุมออนไลน์ผู้สนใจในธุรกิจอันทรงพลังของ Global Rich Club
การทำธุรกิจออนไลน์หรือธุรกิจเครือข่ายทั่วๆไปต้องมีการไปให้ข้อมูลทางธุรกิจกับผู้สนใจตามโรงแรมหรือตามสถานที่ต่างๆที่กว้างใหญ่พอสมควรที่จะรองรับคนจำนวนมากๆ  นอกจากนี้ยังต้องจัดการอบรมสัมมนาให้กับทีมงานเพื่อเพิ่มความรู้ใหม่ๆในการทำธุรกิจให้กับทุกคน นี่เป็นวิธีการปกติในการทำธุรกิจทั่วๆไปครับ  แต่กับ Global Rich Club หรือ GRC Thai ของเราไม่ต้องเดินทางไปประชุมหรืออบรมตามที่ต่างๆครับ เราเองมีห้องประชุมออนไลน์อันทรงพลังดีเยี่ยมให้กับผู้สนใจในทำธุรกิจและการสอนงานให้กับสมาชิกฟรี!!  โดยที่คุณเองนั่งอยู่ที่บ้านหรือที่ไหนๆก็ได้ขอให้มีคอมมีเนตก็สามารถเข้าร่วมประชุมได้  เห็นไหมว่าสะดวกสบายมากๆแค่ไหนครับไม่ต้องเสียตังค่าห้องประชุมและเสียเวลาเดินทางด้วย
ห้องประชุมออนไลน์ทรงพลังมี 2 แบบด้วยกันครับคือ
1.      เปิดโอกาสให้กับผู้สนใจทางธุรกิจ  การบรรยายประกอบไปด้วยการอธิบายอย่างละเอียดวิธีการทำธุรกิจ แผนการตลาด รายได้และประโยชน์ที่จะได้รับ และในตอนท้ายการยรรยายจะเปิดให้ผู้สนในสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้โดยการพิมพ์ลงในห้องประชุมออนไลน์ครับ  การยรรยายจะมีทุกวันจันทร์ พุธและศุกร์ ห้องออนไลน์จะเริ่มเปิดตั้งแต่เวลา  20.00 – 21.30 . เราเองไม่ต้องบรรยายจะมีพี่ๆเป็นผู้ยรรยายให้ทั้งหมด
2.      สอนการทำธุรกิจให้กับสมาชิกของ Global Rich Club   จะมีรุ่นพี่ๆที่เชี่ยวชาญและประสบผลสำเร็จในการทำธุรกิจมาสอนหรือแนะนำให้กับรุ่นน้องๆจนหมดเปลือกไม่ปิดบัง การสอนจะสอนแบบง่ายๆฟังแล้วเข้าใจมีภาพประกอบและสอบถามได้ถ้าไม่เข้าใจครับ การสอนจะมีการจัดตารางไว้ล่วงหน้าตลอดทั้งเดือนเพื่อให้สมาชิกได้รู้ก่อนว่าวันนี้จะสอนอะไรบ้างและการสอนจะมีทุกวันอังคารและพฤหัส  เวลา 20.00 – 22.00 .

วิธีเข้าห้องประชุมออนไลน์ของเราก็ง่ายมากเพียงแค่ Click -> Link  ด้านล่าง
แล้วใส่รายละเอียดดังนี้
Full Name : Ruayruay_ชื่อภาษาไทยของคุณ
Location : ไม่ต้องใส่
Email : ใส่อีเมลล์ของคุณ
Meeting Password :  XXXX  รหัสประชุม 4 หลักจะเปลี่ยนทุกอาทิตย์ โทรถามผมได้ตลอดเวลาครับ
       
6. การสมัครสมาชิก 
ท่านที่สนใจต้องการมาร่วมกับครอบครัวเรา Global Rich Club Thai  สามารถสมัครเป็นสมาชิกได้ที่ผมโดยตรงหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมก็สามารถสอบถามได้ตลอดเวลา ยินดีให้รายละเอียดทุกขั้นตอนของสิทธิการเป็นสมาชิกและการทำธุรกิจท่องเที่ยวออนไลน์หรือถ้าท่านไม่เข้าใจตรงไหนสอบถามเพิ่มเติมได้โดยไม่ต้องเกรงใจครับ ส่วนการตัดสินใจจะเข้ามาร่วมกับครอบครัว Global Rich Club หรือไม่ก็เป็นสิทธิของท่านครับ
ดิลก  (เต้)
Tel  : 086-4057685, 089-8210570
ดูข้อมูลได้จากที่ Website  http://www.ttiptop.com/home.php?id=ruayruay 
Skype User : Dilok.saha1


เคล็ดลับเป็นเศรษฐี

 





  





 วันนี้เป็นเสาร์สบายๆก็เลยจะนำเรื่อง เคล็ดลับความมั่งคั่ง มาเล่าสู่กันฟัง เนื้อหาสาระมาจากหนังสือ The Millionair Next Door เป็นงานเขียน 2 ปรมาจารย์ ดร.โทมัส สแตนลีย์ กับ ดร.วิลเลี่ยม แดนโก ทั้งสองท่านใช้เวลาถึง 20 ปีทำวิจัย วิถีดำเนินชีวิต ของมหาเศรษฐีทั้งหลายอย่างละเอียดว่าเป็นอย่างไร มีวิธีดำเนินธุรกิจอย่างไรจึงประสบความสำเร็จจากงานวิจัยแล้วกลั่นเป็น ขั้นตอนง่ายๆ ในการเป็นเศรษฐีได้ 7 ข้อ

ประการแรก เริ่มต้ตั้งแต่มีวิถีชีวิตเรียบง่ายไม่ฟุ้งเฟ้อ หากดูมหาเศรษฐีที่สามารถสร้างอาณาจักรทางธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ล้วนใช้ชีวิตเรียบง่ายและไม่ฟุ้งเฟ้อเมื่อเทียบกับฐานะและทรัพย์สินของตัวเอง เศรษฐีอย่าง บิล เกตส์ วอเรน บัฟเฟต์ มหาเศรษฐี อันดับต้นๆ ของโลกล้วนแล้วแต่ใช้ชีวิตเรียบง่าย ยิ่งรายหลังเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 2 ของโลกแต่ยังอยู่บ้านหลังเก่าที่ซื้อไว้ตั้งแต่ตอนแต่งงาน ใช้รถเก่าๆ หรือเศรษฐีไทยอย่าง เสี่ยธนินท์ เจียรวนนท์ เจ้าของเครือซีพี เสี่ยบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ค่ายสหพัฒน์ ก็อยู่อย่างเรียบง่ายไม่ฟุ้งเฟ้อ กำไรที่ได้ก็ขยายธุรกิจไปเรื่อยๆ

ประการที่ 2 บริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งดูแลตัวเอง ทำงานและจัดการทรัพย์สิน บรรดาเศรษฐีจะให้ความสำคัญกับเวลา ถือว่าเวลาเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าที่พระเจ้าให้มาเท่ากันทุกคน แต่ละคนมีความสามารถในการบริหารเวลาไม่เหมือนกัน คนที่มีศักยภาพเป็นเศรษฐีจะเป็นผู้บริหารเวลาของตัวเองได้อย่างมีศักยภาพจึงทำให้ทำงานได้มาก หรือสามารถทำเสร็จทันเวลากับภาวะตลาด

ประการที่ 3 เชื่อว่าการสร้างฐานะความมั่นคงทางการเงินมากกว่าหน้าตาทางสังคม คนพวกนี้ไม่ให้ความสำคัญกับหน้าตาว่าเป็นเรื่องใหญ่ มักสร้างความมั่นคงทางการเงินและใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง

ประการที่ 4 สร้างตัวจากการไม่พึ่งพามรดกพ่อแม่

ประการที่ 5 สอนลูกให้รู้คุณค่าของเงิน

ประการที่ 6 ต้องรู้จักแสวงหาโอกาสในการลงทุน หากใครเห็นโอกาสก่อน ลงมือก่อน ก็จะได้ประโยชน์ เพราะความร่ำรวยไม่ได้เกิดจากการเก็บออมหรือทำงานหนักเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

ประการสุดท้าย ต้องมีอาชีพสุจริต การทำมาหากินโดยสุจริตเป็นปัจจัยที่ทำให้กิจการมีความยั่งยืนและสง่างาม

คาถา 7 ข้อนี้คือเคล็ดลับความมั่งคั่ง หากใครทำได้แม้ไม่รวยล้นฟ้าแต่รับรองว่าไม่อดตายแน่นอน










 
 
 
 
ครอบครัว GRC Thai ได้จัดการสอนงานให้กับสมาชิกอีกแล้วในวันที่  1 ธันวาคม 2555  ซึ่งเป็การสอนงานครั้งสุดท้ายของปีนี้ครับ ขอเชิญชวนสมาชิกทุกท่านได้ลงทะเบียน

2/3/56

ประเทศที่น่าท่องเที่ยวที่สุดในโลก

Pic_329732

การท่องเที่ยวถือเป็นรายได้สำคัญของแต่ละประเทศ โดยเฉพาะในประเทสไทย คาดการ์ณว่าในอนาคตอีก 3 ปี รายได้จากการท่องเที่ยวจะเป็นรายได้ที่สูงที่สุดหากเปรียบเทียบกับรายได้อื่นๆ วันนี้จึงมีรายชื่อ ประเทศ 10 อันดับ น่าเที่ยวที่สุดในโลกประจำปี 2013 ซึ่งจัดอันดับโดย Loney Planet และได้ลงไว้ในหนังสือ Best in Travel 2013 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรามาดูกันนะครับว่าจะมีประเทศไทยหรือไม่

อันดับ 10   สาธารณรัฐมาดากัสการ์
อันดับ 9     สาธารณรัฐโดมินิกัน
อันดับ 8     สาธารณรัฐตุรกี
อันดับ 7     สาธารณรัฐไอซ์แลนด์
อันดับ 6     หมู่เกาะโซโลมอน
อันดับ 5     สาธารณรัฐสโลวัก
อันดับ 4     สาธารณรัฐเอกวาดอร์
อันดับ 3     สาธารณรัฐเกาหลีใต้
อันดับ 1     สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิประไตยศรีลังกา



มีการอธิบายเหตุผลของประเทศศรีลังกาไว้ด้วยครับว่าทำไมได้ที่ 1 หลังจากประเทศเสียหายจากภัยสึนามิและบอบซ้ำจากสงครามกลางเมืองที่ผ่านมา ปัจจุบันความขัดแย้งจากสงครามกลางเมืองได้ยุติลงแล้วอย่างเป็นทางการ ทำให้ประชาชนร่วมมือร่วมใจกันพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะอุตสหกรรมการท่องเที่ยว จึงทำให้ปริมาณนักท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและค่าใช้จ่ายในการเดินทางก็ไม่แพงมากนัก จึงทำให้กลายเป็นประเทศน่าเที่ยวอันดับหนึ่งของ Loney planet ทันที

ถ้าหันมามองเมืองไทยเราที่ผ่านมาอาการคล้ายคลึงกับศรีลังกานะครับ เจอสึนามิครั้งเดียวสงครามกลางเมืองของเรา ก็เคยมีมาบ้างอย่างที่ทุกท่านทราบ ก็สารพัดม็อบนั่นละครับ แต่มาขณะนี้ทุกอย่างดูเหมือนยุติลง แต่ทำไมไม่ได้อันดับประเทศที่น่าเที่ยวหรือคนต่างชาติเค้ายังรู้สึกกับประเทศเราด้วยเหตุผลใดอีกเล่า ก็น่านำมาคิดมากครับ  ฉะนั้นก็ขอให้พวกเราคนไทยทุกคนอย่าทำอะไรให้นักท่องเที่ยวเค้าตกใจบ่อยๆนะครับ  







จีนใช้โทรศัพท์มือถือสมาร์ตโฟน และแท็บเล็ตมากที่สุดของโลก

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 20 ก.พ.ว่า จีนได้กลายเป็นแชมป์ประเทศที่มีประชากรใช้โทรศัพท์มือถือสมาร์ตโฟน และแท็บเล็ตมากที่สุดของโลก แซงหน้าสหรัฐแล้ว โดยประเมินว่ามีผู้ใช้อุปกรณ์ดังกล่าวเป็นจำนวน 246 เครื่องเฉพาะเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ขณะที่จีนมีจำนวน 221 ล้านเครื่อง ส่วนอันดับ 3 ได้แก่ อังกฤษ อันดับ 4 ได้แก่ เกาหลีใต้ 30 ล้านเครื่อง อันดับ 5 ญี่ปุ่น 29 ล้านเครื่อง อันดับ 6 เยอรมัน 27 ล้านเครื่อง อันดับ 7 ฝรั่งเศส 23 ล้านเครื่อง อันดับ 8 มี 23 ล้านเครื่อง อันดับ 9 รัสเซีย 19 ล้านเครื่อง และอันดับ10 มี 19 ล้านเครื่อง
โดยรายงานนี้มีขึ้นหลังจากมีการเปิดเผยว่า จีนซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดของโลก ได้กลายเป็นตลาดมือถือสมาร์ทโฟนที่เติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดของโลก และประเมินว่า ประเทศที่พอมีศักยภาพสามารถแซงหน้าจีนในจากตำแหน่งแชมป์ประเทศที่มีประชากรใช้อุปกรณ์ดังกล่าวมากที่สุดของโลกได้ ก็คือ อินเดีย ซึ่งมีประชากร 1,200 ล้านคน โดยมีอัตราการเติบโตของการบริโภคอุปกรณ์เหล่านี้ขยายตัวกว่า 189 เปอร์เซนต์




23/2/56

3 ชายหาดของประเทศไทยติดอันดับ 10 ชายหาดที่สวยที่สุดในโลก

รายงานข่าวจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ขณะนี้เว็บไซต์ท่องเที่ยวรายใหญ่ที่สุดในโลกชื่อ ทริปแอดไวเซอร์ได้เปิดเผยรายชื่อชายหาดที่ได้รับรางวัล 2013 ทราเวลเลอร์ส ชอยส์ บีช อะวอร์ด ซึ่งมาจากการโหวตโดยนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการเว็บไซต์ ทริปแอดไวเซอร์ ที่มีจำนวนมากกว่าล้านคน ปรากฏว่า 3 ชายหาดของประเทศไทยติดอันดับ 10 ชายหาดที่สวยที่สุดในโลกด้วย คือ หาดไร่เลย์ หาดพระนาง จ.กระบี่ และหาดในหาญ อ.กะรน จ.ภูเก็ต ขณะที่หาดที่สวยที่สุดในเอเชียจากการโหวตของนักท่องเที่ยว ได้แก่ หาดไวต์บีช เกาะโบราเคย์ วิซายา ประเทศฟิลิปปินส์
ด้านนายสุรพล เศวตเศรนี ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า สิ่งที่ดีที่สุดเกี่ยวกับชายหาดในประเทศไทย คือ ไม่มีที่ไหนเหมือน ไม่ว่าจะชื่นชอบการเล่นกีฬาแบบตื่นเต้นผาดโผน หรือชอบการถ่ายภาพพระอาทิตย์ตก บริเวณชายหาด ประเทศไทยจะมีภูมิทัศน์และมีบางสิ่งที่สามารถสร้างความน่าสนใจให้ได้เสมอ
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีชายหาดที่สวยงามอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นหาดกะตะ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต หาดละไม เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี หาดลองบีช เกาะลันตา จ.กระบี่ หาดกมลา จ.ภูเก็ต หาดฟรีดอม อ.ป่าตอง จ.ภูเก็ต หาดสลัด เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เป็นต้น
ก่อนหน้านี้มีการประเมินทิศทางการท่องเที่ยวไทยในปี 2556 โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ที่ระบุว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาประมาณ 24.5 ล้านคนเพิ่มขึ้น 10% จากปี 55 มีนักท่องเที่ยว 22.3 ล้านคน และสร้างรายได้เข้าประเทศมูลค่า 1.06 ล้านล้านบาท.



19/2/56

ผู้ที่วางแผนเกษียณ

คำถามรอบโลกในนิตยสาร ‘รีดเดอร์ส ไดเจสท์’ ฉบับประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2556 เผยแพร่ความเห็นของผู้คนทั่วโลกจากการสำรวจในประเด็นที่ว่า “จะเกษียณเมื่อไหร่ดี” พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่บอกว่า จะยังไม่เกษียณจนกว่าจะอายุ 65 หรือมากกว่านั้น มีเพียง 3 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย แคนาดา และไทย ที่ผู้คนส่วนใหญ่วางแผนเกษียณก่อนอายุ 65 ปี โดยมาเลเซียมีสัดส่วนสูงสุดถึง 67% แคนาดา 56% และประเทศไทย 37%





ผู้ที่วางแผนเกษียณก่อนอายุ 65 ให้เหตุผลคล้ายๆ กันว่า เพราะต้องการใช้ชีวิตบั้นปลายในการเดินทางท่องเที่ยวและพักผ่อนยามแก่ แต่ก่อนจะถึงตอนนั้น ต้องมีเงินเก็บและบริหารเงินไว้จะได้ไม่ลำบาก
ขณะที่คนส่วนใหญ่ในหลายประเทศตอบว่า จะเกษียณหลังอายุ 65 ปีหรือมากกว่า ประกอบด้วย แอฟริกาใต้ ที่มีสัดส่วนสูงสุดถึง 53% ตามมาด้วยสเปน 50% บราซิล 48% เนเธอร์แลนด์ 47% สหรัฐอเมริกา 46% รัสเซีย 45% สหราชอาณาจักร 45% ฝรั่งเศส 43% เยอรมนี 42% และออสเตรเลีย 39%
ส่วนอีก 3 ชาติ ต้องบอกว่า ‘ใจเด็ด’ มาก เพราะคนส่วนใหญ่ตอบแบบสอบถามว่า จะทำงานแบบ ‘ไม่เกษียณ’ โดยเม็กซิโกมีสัดส่วนถึง 49% อินเดีย 44% และฟิลิปปินส์ 42% ด้วยเหตุผลน่ารักๆ เช่น “ผมคิดว่าจะไม่เกษียณหรอก การทำงานทำให้ผมรู้สึกหนุ่มขึ้น” และเหตุผลที่จริงจัง อย่างหนุ่มชาวเม็กซิโก ที่บอกว่า “ผมไม่มีแผนเกษียณอายุ เพราะระบบประกันสังคมในประเทศนี้แย่ลงมาก”
แต่ไม่ว่าจะเกษียณเมื่อไหร่ หรือจะทำงานแบบไม่เกษียณ สิ่งหนึ่งที่ทุกคนมีเป้าหมายเหมือนกัน ก็คือ การเตรียมเงินไว้สำหรับรองรับอนาคตของตัวเองในวันที่ไม่มีรายได้ เพราะแม้เราจะตั้งใจทำงานแบบไม่มีวันเกษียณ แต่สุดท้ายแล้ว มันต้องมีวันที่เราทำงานไม่ไหว และเป็นวันที่เราไม่มีรายได้
เขียนถึงตรงนี้อยู่ๆ ก็นึกถึงเพลง “เรื่อยๆ ไปจนแก่” ซึ่งนักแสดงหนุ่มเซอร์สุดติสต์อย่าง “ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์” ร้องเป็นเพลงประกอบละครได้อย่างยียวนมาไม่ใช่น้อย
เราอาจจะรักใคร หรืออยู่ร่วมกับใครไปจนแก่ได้ แต่เราไม่สามารถทำงาน หาเงิน มีรายได้จากการทำงานแบบเรื่อยๆ ไปจนแก่ได้ แม้จะตั้งใจหรือมุ่งมั่นแค่ไหน ดังนั้น การเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับไว้จึงดีที่สุด
อย่างคุณผู้อ่านท่านนี้ ซึ่งส่งเมลมาถามคำถาม ก็เป็นหนึ่งในคนที่เตรียมตัวรับกับการเกษียณ ประเด็นที่ต้องการทราบก็คือ รายละเอียดของกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ) และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) โดยให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เป็นคนเงินเดือนน้อย จะซื้อได้หรือไม่ เพราะอยากเก็บเงินไว้ใช้ในตอนเกษียณ ปัจจุบันนี้อายุ 47 ปีแล้ว
คำแนะนำที่ให้ได้ ก็คงเป็นข้อเท็จจริงและข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับกองทุน ที่คุณต้องลองไปประเมินดูเองว่า เหมาะกับเราหรือไม่และอย่างไร
เริ่มต้นจากกองทุนอาร์เอ็มเอฟและแอลทีเอฟ ซึ่งจริงๆ แล้วก็ไม่ได้แตกต่างจากกองทุนประเภทอื่นๆ ที่จัดตั้งขึ้นด้วยการนำเงินลงทุนของผู้ต้องการลงทุนมารวมกันเป็นก้อนโตๆ แล้วนำไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ที่กำหนดขึ้นมาเป็นนโยบายลงทุน จะลงทุนในหุ้น หรือลงทุนในตราสารหนี้ ลงทุนในพันธบัตร ก็ว่ากันไป แต่ที่แตกต่างจากกองทุนอื่นๆ ก็คือ ทั้งอาร์เอ็มเอฟและแอลทีเอฟ เป็นกองทุนที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี สำหรับผู้ที่มีรายได้และต้องเสียภาษี ก็สามารถนำเงินที่ลงทุนในกองทุนมาหักเป็นค่าลดหย่อนได้
ดังนั้น หากต้องการใช้ประโยชน์สูงสุดจากกองทุนอาร์เอ็มเอฟและกองทุนแอลทีเอฟ ก็ต้องเริ่มต้นที่เราต้องมีภาระภาษีเสียก่อน ถ้าแต่ละปีไม่ต้องเสียภาษี ก็ไม่มีความจำเป็นต้องลงทุนในกองทุนอาร์เอ็มเอฟและแอลทีเอฟ เพราะนอกจากจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ที่ควรจะเป็นแล้ว ยังต้องติดเงื่อนไขเรื่องที่จะขายได้ก็ต่อเมื่อต้องถือกองทุนให้ครบ 5 ปีนับจากวันที่ลงทุนสำหรับกองทุนแอลทีเอฟ และขายคืนได้เมื่อถือกองทุนต่อเนื่องครบ 5 ปี โดยมีอายุครบ 55 ปีสำหรับกองทุนอาร์เอ็มเอฟ ถ้าปีนี้คุณอายุ 47 ปี คุณก็ต้องลงทุนให้ครบ 5 ปีสำหรับอาร์เอ็มเอฟ จนคุณอายุ 52 ปี แต่ก็ไม่สามารถขายคืน เพราะต้องรออีก 3 ปี จนกว่าจะอายุครบ 55 ปี
จากข้อมูลที่บอกว่า “เงินเดือนน้อย” ก็ต้องย้อนกลับไปดูว่า เงินเดือนน้อยที่ว่านั้น เข้าข่ายต้องเสียภาษีเพิ่มเติมหรือไม่ และเรามีรายการลดหย่อนอย่างอื่นที่พอเพียงอยู่แล้วหรือเปล่า ถ้าไม่ได้ประโยชน์ตรงนี้ ก็มองข้ามทั้งอาร์เอ็มเอฟและแอลทีเอฟไป แต่หากว่า มีภาระต้องเสียภาษี ก็สามารถเข้าลงทุนได้ โดยยอมรับเงื่อนไขการถือครองที่ระบุไว้
ส่วนคำแนะนำเพิ่มเติมนั้น ลองพิจารณาความเห็นจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด ที่บอกว่า การลงทุนในแอลทีเอฟและอาร์เอ็มเอฟให้ได้ประโยชน์สูงสุด ผู้ลงทุนควรประเมินตนเองก่อนว่าอยากลงทุนนานแค่ไหน ในสินทรัพย์ประเภทใดบ้างและในสัดส่วนเท่าไหร่ ซึ่งแบบประเมินความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนทุกคนต้องทำก่อนซื้อกองทุนรวมเป็นสิ่งหนึ่งที่สามารถช่วยตอบคำถามเหล่านี้ได้ เพราะความเสี่ยงของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน
สามารถหาข้อมูลข้อมูลเพิ่มเติมได้ตามธนาคารต่างๆหรือจะลองหาข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ ประกอบก่อนการตัดสินใจ ซึ่งที่ไม่ได้นำมาอธิบายไว้ในตรงนี้ก็เพราะบางเรื่องเป็นเรื่องทางเทคนิคที่ผู้ลงทุนควรศึกษาเพิ่มเติม หรือสามารถคุยกับเจ้าหน้าที่ของกองทุนรวมที่เราสนใจไปลงทุน แต่ไม่ว่าจะเป็นกองทุนอาร์เอ็มเอฟหรือแอลทีเอฟ ผู้ลงทุนก็ต้องเริ่มต้นจากความรู้ความเข้าใจในสินทรัพย์ที่ไปลงทุนก่อน และหากจะเลือกกองทุนรวมของบริษัทจัดการกองทุนรายใด ก็เลือกจากความสะดวกของตัวเอง เช่น ถ้าต้องการทำรายการซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ต ก็เลือกบริษัทที่ให้บริการทางอินเทอร์เน็ต มีการพัฒนาเว็บไซต์แบบดูง่าย เข้าใจง่าย แต่หากต้องการทำรายการผ่านเคาน์เตอร์ธนาคาร ก็เลือกธนาคารที่เราเดินทางไปมาสะดวก หรือมีพนักงานที่ให้ข้อมูลตอบคำถามแบบที่เราต้องการ
เรื่องเงินน้อยหรือมากไม่ใช่ปัญหาสำหรับการออมและการลงทุน เพราะเริ่มต้นแค่พันหรือสองพันบาท ก็สามารถออมและลงทุนได้แล้ว ที่อาจจะติดขัดอยู่บ้างก็ตรงการเริ่มต้นออมและลงทุนเพื่อรับวัยเกษียณเมื่ออายุล่วงเลยมาถึง 47 ปีแล้ว ซึ่งต้องยอมรับว่า ช้าไปสำหรับการเริ่มต้น แต่ก็ดีกว่าไม่เริ่มต้นเลย ดังนั้น เมื่อเริ่มต้นช้า ก็อาจจะต้องยอมรับการไปไม่ถึงเป้าหมาย หรือต้องลดเป้าหมายที่ตั้งไว้ลง เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงให้มากขึ้น

18/2/56

10 มหาเศรษฐี ระดับโลก ที่เรียนไม่จบมหาวิทยาลัย

เป็นเรื่องที่แปลกแต่จริงนะครับ คำว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น บางครั้งไม่ต้องจบระดับปริญญาก็สามารถประสบความสำเร็จได้ เพียงแค่มีโอกาส ความเชื่อ และความพยายาม ตัวอย่าง 10 คนดัง ต่อไปนี้ที่ก้าวข้ามคำว่าใบปริญญาและประสบความสำเร็จบนเส้นทางที่ตนเองได้เลือกเอง


1. ริชาร์ด แบรนสัน (Richard Branson) : ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Virgin
ด้วยภาพลักษณ์นักธุรกิจนอกกรอบ ตำราไหนว่าแน่พี่ขอแหก เสาะแสวงหาความท้าทาย ในการดำเนินชีวิตและธุรกิจ เลิกเรียนตั้งแต่อายุ 16 มาเอาดีด้วยการทำนิตยสารสำหรับนักเรียนเป็นธุรกิจ ค่อยๆ ขยายธุรกิจอื่นๆ มากมาย ไม่เว้นแม้แต่สายการบิน เป็นเพลย์บอยแถมรวยภาพที่ปรากฏก็เลยแสบๆ อย่างที่เห็น
 
2. โคโค แชลแนล (CoCo Chanel) : ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Channel
เธอเกิดมากำพร้า เริ่มอาชีพเป็นเพียงช่างเย็บผ้า ในยุคที่สตรีต้องตัดชุดสตรีเท่านั้น แชนแนลผลักดันตัวเองอย่างกล้าหาญด้วยการออกแบบเสื้อผ้าสำหรับผู้ชาย ด้วยความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบและผสมผสานเนื้อผ้า สร้างเอกลักษณ์ให้ผลงานของเธอ แต่ที่สร้างชื่อให้เธอเป็นที่จดจำตลอดกาลคือ คือ น้ำหอม แชนแนลหมายเลข 5 อันโด่งดังนั่นเอง
3. ไมเคิล เดลล์ (Michael Dell) : ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Dell
ไปไหนก็จะเห็นคอมพิวเตอร์-โน้ทบุ๊คยี่ห้อ Dell กันใช่ไหม ผู้ก่อตั้งคือ ไมเคิล เดลล์ เขาหยุดเรียนตั้งแต่อายุ 19 มาก่อตั้งบริษัท PC's Limited ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น Dell, Inc และผันตัวเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ประสบความสำเร็จ มากที่สุดในโลก ในปี 1996 เดลล์ได้มอบทุนให้มหาลัยเทกซัสจำนวน 50 ล้านเหรียญ (ราวๆ 2,000 ล้านบาท) เพื่อยกระดับสุขภาพและการศึกษาของเยาวชน
 
 
4.เฮนรี่ ฟอร์ด (Henry Ford) : ผู้ก่อตั้ง Ford Motor
เขาออกจากบ้านตอนอายุ 16 ปีเพื่อเป็นช่างยนต์ ภายหลังก่อตั้ง บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ ดำเนินอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ ซึ่งรถที่ประสบความสำเร็จครั้งแรกคือรุ่น Ford Model T ผลกำไรทำให้ขยายกิจการ และริเริ่มวางสายการผลิตแบบอัตโนมัติ
 
5. บิล เกตส์ (Bill Gates) : ผู้ก่อตั้ง Microsoft
ติด อันดับมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลกปี 1995 - 2006 ช่วงวัยรุ่นหยุดเรียนเพราะมุ่งมั่นมากที่ จะตั้งบริษัทผลิตซอฟท์แวร์ ชื่อความหมายเล็กจิ๋วว่า บริษัทไมโครซอฟท์ รวยล้นฟ้าแล้วยังใจบุญ เพราะครอบครัวบิลก่อตั้ง มูลนิธิ บิล & มาลิดา เกตส์ คอยช่วยเหลือด้านการศึกษาและสุขภาพแก่คนทั้งโลก
6. สตีฟ จ็อปส์ (Steve Jobs) : ผู้ก่อตั้งและสร้างความยิ่งใหญ่ ให้แบรนด์ Apple
เรียนมหาวิทยาลัยได้เทอมเดียวก็ไปทำงานให้กับ บริษัท อาตาริ ก่อนที่จะควบรวมเป็น บริษัท แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ แต่ชื่อมันยาว เดี๋ยวนี้เลยตัดเหลือเพียง แอปเปิ้ล แบรนด์ล้ำๆ ที่ทำให้คนทั้งโลกคลั่ง กับผลงานล่าสุดอย่าง iPad และ iPhone 4 ครั้งหนึ่งสตีฟ จ็อปส์เคยเป็น CEO ให้ Pixar ก่อนที่จะควบรวมกับ วอลท์ ดีสนีย์

7. เจมส์ คาเมรอน (James Cameron) : ผู้กำกับระดับออสการ์
หยุด เรียนตอนปี 2 ไปทำงานรับจ้างทั่วไป ทั้งขับรถบรรทุกและงานเขียน ระหว่างนั้นก็พยายามเรียนด้าน สเปเชียล เอฟเฟค ด้วยตนเอง จากวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาในห้องสมุด หลังจากดูหนัง สตาร์วอร์ จึงเลิกขับรถบรรทุก ไปหางานในวงการภาพยนตร์ทำ จากงานผู้ช่วย ก็ผันมาเป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานที่กลายเป็นตำนาน อย่าง คนเหล็ก 2, ไททานิค และ ภาพยนตร์ 3D สุดอลังการอย่าง อวาตาร

8.เลดี้ กาก้า (Lady Gaga) : นักร้องซุปเปอร์สตาร์ หลุดโลก
กว่าจะเป็นราชินีเพลงป๊อปแดนซ์และเจ้าแม่แฟชั่นหลุดโลกคนนี้ เธอหัดเปียโนตั้งแต่อายุ 4 ขวบ เริ่มเขียนโน้ตเปียโนตอน 13 พออายุ 17 ปีก็แต่งเพลงเอง จนกระทั่งปีสองเทอมสอง เธอหยุดเรียนและหันไปเอาดีในอาชีพดนตรี ด้วยเงินเพียงน้อยนิด จนประสบความสำเร็จในชื่อ "เลดี้ กาก้า" ที่ทั้งโลกรู้จัก ชื่อที่ผันมาจากชื่อเพลง "เรดิโอ กา ก้า"

9. ไทเกอร์ วู๊ดส์ (Tiger Woods) : อดีตนักกอล์ฟหมายเลข 1 ของโลก
เล่นกอล์ฟตั้งแต่เดินได้ โชว์วงสวิงให้โลกตะลึงตอนอายุ 2 ขวบ เอาชนะพ่อตัวเองได้ตอน 11 ขวบ หลังจากคว้าแชมป์รายการดังมากมาย จึงตัดสินใจหยุดเรียนและเปลี่ยนเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพ ขณะอยู่ปี 2 ผูกขาดตัวเองเป็นนักกอล์ฟมือหนึ่งของโลกมานานหลายปี
10. มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) : ผู้ก่อตั้ง Facebook
ผู้ก่อตั้ง Facebook ที่คนทั้งโลกติดกันงอมแงม พัฒนาเฟสบุ๊คกับเพื่อนร่วมชั้น ตั้งแต่ตอนที่เรียนอยู่ที่ ฮาวาร์ด หลังจากที่เฟสบุ๊คได้รับความนิยมและทำเงินมหาศาล ก็หยุดเรียน เพื่อเป็นผู้บริหารของเฟสบุ๊คเต็มตัว ปัจจุบันเป็นมหาเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุดในโลก
*จะดีมั้ยถ้าประเทศไทย วัดคุณภาพคนและคุณภาพงาน จากตัวตนและผลงานของคนๆนั้นจริงๆ โดยไม่ดูที่ใบปริญญา?!?